แล้วก็เป็นคิวของรถยอดนิยม ดีกรีระดับขึ้นหิ้งของค่ายปีกนกอย่าง CBR150R รถสปอร์ตที่เป็นที่นิยมมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และในครั้งนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในแบบที่เรียกว่าใหม่หมดจดทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียวครับ กลายเป็น All New Honda CBR150R (2019) ที่หล่อเหลาและเต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะจริงๆ ครับ
โฉบเฉี่ยว
เนื่องจากเป็นโมเดลแบบใหม่หมดจดทั้งคันจึงมีส่วนที่เปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของรูปโฉม เรียกว่าเปลี่ยนไปแบบผิดหูผิดตาเลยล่ะครับ หน้าตานี่ถอดแบบพี่ใหญ่ตัวพันอย่าง CBR1000RR มาเลย สำหรับ Honda CBR150R โมเดลนี้ก็จะโดดเด่นด้านหน้าด้วยไฟหน้าใหม่ แบบไฟคู่ LED ดุดันแบบพญาอินทรี ให้อารมณ์สปอร์ตสายพันธุ์ CBR ส่องสว่างทั้งยังมีเดย์ไลท์อยู่ด้านบนอีกด้วย เรือนไมล์ใหม่เป็นแบบ Full LCD ดิจิตอล อ่านค่าง่ายแม้แสงแดดจ้า ใช้งานสะดวก แสดงผลข้อมูลครบถ้วน รวมไปถึงระยะทางทริป A และ B และยังมีเลขบอกเกียร์อีกด้วย ถัดเข้ามาจากด้านหน้าก็จะเห็นถังน้ำมันขนาดใหญ่ 12 ลิตร ดีไซน์สปอร์ตให้เว้ารับกับสรีระของผู้ขับขี่ ช่วยให้ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น มาที่ส่วนของเบาะนั่งก็จะเป็นเบาะแบบแยกชิ้นพร้อมที่จับสำหรับคนซ้อน ด้านล่างลงไปเป็นที่อยู่ของท่อไอเสียทรงสปอร์ตเชิดขึ้นพร้อมตัวกันความร้อนลายเคฟลาร์ และปิดท้ายด้วยไฟท้าย LED พร้อมระบบไฟฉุกเฉินที่จะทำงานเวลาเราเบรกกะทันหันจนระบบเบรก ABS ทำงานครับ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยเสริมความปลอดภัยที่มีกันในรถพี่ใหญ่ เช่น Honda Goldwing ช่วยเตือนให้คันหลังได้ระมัดระวังว่าข้างหน้าอาจจะมีอันตราย ซึ่งจัดว่าจัดมาแจ่มครับ นอกจากเรื่องหน้าตารูปโฉมใหม่แล้ว Honda ยังจัดชุดลายกราฟฟิกมาให้ทีเดียว 4 ชุดสีด้วยกัน โดยมีลายปกติ 2 ชุดสี ได้แก่ สีดำ และสีน้ำเงิน-ดำ และลายพิเศษอย่างลายกราฟฟิก AP Honda Racing Thailand (ABS) ลายพิเศษเฉพาะของไทยโดยเฉพาะซึ่งมาในชุดสีแดง-ดำ และลาย Repsol ในชุดสีส้ม-ขาวที่คุ้นเคย อันเป็นลายสปอนเซอร์ทีมแข่ง MotoGP และได้รับความนิยมจนเป็นลายคู่บุญของ Honda ไปซะแล้ว จุดพิเศษอีกจุดสำหรับลาย AP Honda Racing Thailand คือ ล้อแม็กหน้าหลังคนละสีกัน แม้จะดูแปลกตา บางคนอาจจะมองว่ามันขัดๆ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าลงตัวเข้ากันกับสีสันของตัวรถ
เร้าใจ
แน่นอนว่าโมเดลใหม่หมดจดทั้งคันแบบ CBR150R ที่เราทดสอบวันนี้ก็ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของเครื่องยนต์หรือขุมพลังด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นเครื่องยนต์บล็อกใหม่ขนาด 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเกียร์ 6 สปีด ให้สุ้มเสียงที่เร้าใจในแบบของสปอร์ตไบค์ จากการทดสอบบนไดโนจริงๆ นั้นพบว่ามีแรงม้าถึง 15.02 แรงม้า ส่วนท็อปสปีดบนไดโนนั้นได้ที่ราวๆ 134 กม./ชม. ซึ่งถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวสำหรับพิกัดนี้ อัตราเร่งค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับรถในขนาด 150 ซีซีเท่าๆ กัน และประหยัดน้ำมัน ซึ่งผมว่ามันสำคัญที่สุดเลย
เอาอยู่
ช่วงล่างของ CBR150R ใหม่นี้เองก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน ตั้งแต่โช้คหน้า ที่ถึงแม้ว่าจะมีแอบเสียดายนิดหน่อยตรงที่โช้คยังเป็นแบบเทเลสโคปิกอยู่ครับ อย่างไรก็ดี มันมีความดีงามตรงที่โช้คหน้านั้นสามารถปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับ เพื่อให้เหมาะกับการขับขี่ของเราโดยเฉพาะ ส่วนโช้คหลังเป็นโช้คเดี่ยว ปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับเช่นกัน สอดคล้องกันกับโช้คหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อการขับขี่ที่ดีครับ เฟรมของรถเองก็ออกแบบใหม่ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ CAE (Computer Aided Engineering) ดีไซน์ใหม่ให้เป็นเฟรมกลมแบบถัก ทำจากเหล็กกล้าแข็งแรงและเบา ทนทาน รองรับแรงบิดได้ดี สร้างสมดุลได้ตลอดคัน ส่วนระบบเบรคนั้นดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลังขนาดใหญ่แบบจานหยัก (*เฉพาะรุ่น ABS) โดยตัวรถนั้นจะมีทั้งรุ่นที่มี ABS และไม่มี ABS ให้เลือก ซึ่งเราเอามาทดสอบทั้งสองรุ่นเลย ระบบเบรก ABS นั้นหยุดได้มั่นใจ แม้ขับขี่ในช่วงความเร็วสูง
ฟันธง
จากการทดลองหวดบนท้องถนนจริงๆ ทั้งในเมืองและออกมานอกเมือง พบว่าเป็นรถที่ขี่ง่าย เครื่องยนต์ให้อัตราเร่งที่ดี มีกำลัง ทำความเร็วได้ ระบบเบรกให้ความรู้สึกนุ่มนวล จากการทดลองขับขี่บนท้องถนน คิดว่าค่อนข้างจะสั่งได้ ปลอดภัยมากๆ กำเบรกสุดๆ ระยะเบรกนี่สั้นมากๆ เทียบกับหลายๆ ตัวที่ใกล้เคียงกัน ระยะเบรกจะค่อนข้างมาก และล้อไม่ล็อกแน่นอน แฮนด์แบบจับโช้คของมันออกแบบมาได้ค่อนข้างดี คือให้ท่านั่งขับขี่ในสไตล์สปอร์ต แต่ไม่ต้องก้มลงไปมากนัก ทำให้ขับขี่ได้ฟีลลิ่งแบบของสปอร์ตแต่ไม่ปวดเมื่อยเท่ากับสปอร์ตไบค์จ๋าๆ ที่แฮนด์จะบังคับให้เราหมอบหนักๆ แบบเรซซิ่ง จึงเหมาะกับการใช้งานในทุกๆ วัน ช่วงล่าง ถ้าใช้บนถนน ค่อนข้างจะโอเคแล้ว ค่อนข้างจะนิ่ม นั่งขับขี่ได้สบาย ใช้งานในเมืองนี่ถือว่าดี ถ้าเป็นคนขี่เร็วหรือชอบขี่สนาม หรือว่าน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมากก็อาจจะต้องมีการเซ็ตให้แข็งมากขึ้น แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน ซึ่งตัวใหม่นี้เนี่ยช่วงล่างสามารถปรับพรีโหลดได้ทั้งหน้าและหลัง ซึ่งปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับ เมื่อปรับแล้วก็จะช่วยให้มีการตอบสนองที่กระชับมากขึ้นจากการที่สปริงแข็งมากขึ้น แต่ก็อาจจะลดความนุ่มนวลลงไป รวมๆ แล้วจัดว่าเป็นโมเดลที่คุ้มค่ากับราคาค่าตัวมากๆ เพราะอ็อปชั่นที่ให้มาค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะรุ่น ABS ที่มีอ็อปชั่นที่หลายๆ ค่ายไม่มีอย่างไฟเบรกฉุกเฉิน เรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดี ช่วงล่างที่ปรับเซ็ตได้ และการที่สามารถเลือกรุ่นแบบที่มี ABS หรือไม่มีได้ก็จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี เพราะรุ่นที่ไม่มี ABS ก็จะตอบโจทย์กับคนที่ชอบการขับขี่ในสนามมากกว่านั่นเองครับ
Specifications
เครื่องยนต์ | สูบเดียวระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 จังหวะ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 149 ซีซี |
ระบบวาล์ว | 4 วาล์วต่อสูบ แบบ DOHC |
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก | 57.3 X 57.8 มม. |
อัตราส่วนการอัด | 11.3:1 |
ระบบเกียร์ | 6 สปีด |
ระบบจุดระเบิด | อิเล็กทรอนิกส์ |
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง | หัวฉีด |
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทไฟฟ้า |
ระบบคลัทช์ | คลัทช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน |
ยาว X กว้าง X สูง | 1,983 X 694 X 1,077 มม. |
ขนาดยางหน้า | 100/80 – R17 M/C (52P) |
ขนาดยางหลัง | 130/70 – R17 M/C (62P) |
ระบบกันสะเทือนหน้า | โช้คเทเลสโคปิกแบบตั้งค่าพรีโหลดได้ |
ระบบกันสะเทือนหลัง | สวิงอาร์มและโช้คเดี่ยวแบบตั้งค่าพรีโหลดได้ |
เบรคหน้า | ดิสก์เบรกเดี่ยว และ ABS |
เบรคหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว และ ABS |
ระยะฐานล้อ | 1,309 มม. |
ความสูงเบาะ | 787 มม. |
น้ำหนักรถ | 135 กก. |
ความจุถังน้ำมัน | 12 ลิตร |
ราคา | ราคาแนะนำที่ 92,000 บาท (ไม่มี ABS) และ 99,000 บาท (ABS) |
ติดต่อ | Facebook: รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) |
อ้างอิง http://www.superbikemag.com/all-new-honda-cbr150r-ใหม่หมดจนอดใจไม่ไหว/